วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2559

อาชีพที่จะหายไปในปี 2020

ลองดูคลิปนี้ครับ



บรรณธิการหนุ่มน้อย รายงานว่า ข้อมูลที่เขาอ่านจาก นิตยสาร Geektime (http://www.geektime.com/) บอกว่า อุตสาหกรรม 12 ต่อไปนี้จะหายไป 
  1. บริการรถแท๊กซี่จะหายไป   เพราะหลาย ๆ ประเทศ เริ่มมีการ "แท๊กซี่อูเบอร์"  หรือระบบที่ตัดพ่อค้าค้นกลางออกไป
  2. บริการส่งจดหมายจะหายไป  จะคงเหลือเฉพาะส่งของส่งพัสดุ 
  3. กระดาษจะลดลงอย่างมาก และอาจจะใช้กระดาษน้อยลงมากๆ  ... หมายถึง หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือสื่อสิ่งพิมพ์ จะต้องเปลี่ยนแปลง 
  4. โทรศัพท์บ้าน ... ตอนนี้ไม่มีใครใช้แล้ว ....และโทรศัพท์ออฟฟิศด้วย 
  5. โทรศัพท์มือถือแบบเก่าจะหายไป ... ต่อไปโทรศัพท์จะเป็นมากว่าโทรศัพท์ แต่เหมือนเป็นคอมพิวเตอร์ติดตัว
  6. บัตรเครดิตการ์ดจะหายไป ...  ต่อไปคนจะใช้จ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือ 
  7. โรงหนังน่าจะหายไป ...  เพราะเทคโนโลยีไม่จำเป็นไปดูแล้ว
  8. อุปกรณ์เก็บข้อมูลจะหายไป เช่น ซีดี ดีวีดี ดิสก์ ... คนจะไปใช้ Cloud system กันหมด 
  9. ประกันชีวิตจะหายไป รัฐบาลจะเข้ามาดูแลได้ทั้งหมด
  10. เคเบิ้ลทีวี จะหายไป 
  11. กระเป๋าสตางค์ จะหายไป ไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว 
  12. พนักงานฟาสฟู๊ดอาจจะหายไป 
อยากให้ดูคลิปนี้ครับ


เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเราถนัดอะไร
  • ต้องสังเกตว่าตนเอง ชอบทำอะไร สนใจอะไร 
  • โทรศัพท์มือถือ เป็นอุปกรณ์ดูคนอื่น ไม่ค่อยทำให้ตนรู้จักตนเอง
  • ทุกอย่างมีรากของกรรม จงค้นหาตนเองด้วยการทำอะไร สนใจอะไร ให้ทำจริงๆ 

วันอาทิตย์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ไทยแลนด์ 4.0 การพัฒนาประเทศกับ ๒ จุดแข็ง เปลี่ยนแปลง ๓ มิติ ๔ แนวทางพัฒนา และ ๕ เทคโนโลยีกลุ่มเป้าหมาย

ช่วงต้นปีมานี้ คงไม่ใครไม่ได้ยินคำว่า "ไทยแลนด์ ๔.๐" บันทึกนี้ จะเขียนแบบสรุปความจากข้อมูลฑุติยภูมิ (ความรู้มือสอง) ที่สืบค้นจากข่าว และเอามาสังเคราะห์รวมให้จำง่ายขึ้น  คิดว่าไม่น่าจะผิดลิขสิทธิ์ ใครนะครับ

สำหรับผู้ที่ไม่เคยรู้เลยว่า "ประเทศไทย ๔.๐" คืออะไร

หากท่านใดยังไม่ได้ยินคำว่า ไทยแลนด์ 4.0 จริง ๆ  แนะนำให้ดูคลิปนี้ก่อนครับ



สำหรับผู้ที่เคยรู้ แต่ยังไม่เข้าใจว่า การส่งเสริมเศรษฐกิจของไทยในอีก ๒๐ ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร?

เชิญเลยครับ .... ฟังคลิปสัมภาษณ์พิเศษผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ของประเทศไทย คือ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเข้าใจมากขึ้นครับ เชิญ


ท่านบอกว่า
  • ประเทศไทยเคยเป็นประเทศที่ยากจน ซึ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยสินค้าเกษตร  หรือเรียกว่า "ประเทศไทย ๑.๐"
  • ตอนนี้ประเทศไทยจัดว่า เป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งขับเคลื่อนด้วย "ประสิทธิภาพ" หรือ efficiency economy เรียกว่าเป็น "ประเทศไทย ๓.๐"
  • ณ วันนี้ ไม่เปลี่ยนไม่ได้แล้ว  เพราะสิ่งที่เรามีอยู่นั้น เราไม่ได้ผลิตสินค้าบนฐานความรู้ (Knowledge based) บนฐานนวัตกรรม (Innovation) หรือสินค้าที่เน้นความแตกต่างในการสร้างแบรนด์ในตัวสินค้า (Differentiate based, Brand )
  • ภาคเอกชนต้องปรับเปลี่ยนตัวเองไปสู่ "ประเทศไทย ๔.๐" 
  • "ประเทศไทย ๔.๐" ก็คือ ประเทศไทยที่จะขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม หรือ Innovative Driven นั่นคือขับเคลื่อนด้วยสิ่งที่เรียกว่า "ความคิดสร้างสรรค์" หรือ Creativity นั่นเอง  และสิ่งที่เรากำลังทำกันอยู่ก็คือ "Startup"
  • หากเราสามารถขับเคลื่อน "Startup"  ได้ จะทำให้ประเทศไทยหลุด "กับดักประเทศผู้มีรายได้ปานกลาง" ไปได้ 
  • ธุรกิจต่อไปนี้ อย่างน้อยจะต้องขับเคลื่อนไปด้วยองค์ประกอบดังต่อไปนี้ 
    • Productive Growth Engine คือ ขับเคลื่อนด้วย "ผลิตภาพ" ด้วยนวัตกรรม 
    • Green Growth Engine คือ ต้องตอบโจทย์เรื่องความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
    • Inclusive Growth Engine คือ จะต้องเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามามีส่วนร่วม เป็น Smart Enterprise (วิสาหกิจอัจฉริยะ...ผู้เขียน)   ไม่ใช่ SMEs (Small and Medium Enterprises (วิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง)) 
  • โลกของธุรกิจแห่งอนาคต ไม่ใช่เรื่องที่ว่า ใครจะใหญ่หรือใครจะเล็ก แต่ขึ้นกับว่า ใครจะฉลาดกว่ากัน
  • ธุรกิจในอนาคต จะต้องเป็น Value Based Business  โดยคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ต่อไปนี้
    • Beyond Product ไม่ใช่แค่คิดเรื่องตัวสินค้า หรือความแตกต่างบนตัวสินค้าอีกต่อไป แต่ต้องมาเน้น Business Model  อะไร คุณกำลังขายใคร สิ่งที่คุณทำมีคุณค่าอย่างไร และคุณจะต้องถักทอร่วมกันคนอื่นอย่างไร และจะต้องตอบให้ได้ว่า อะไรคือ Profit Model ของคุณ 
    • Service Economy ต้องก้าวไปสู่การบริการ  คือต้องคิดถึงการผสมผสาน ระหว่างความต้องการและการบริการ สองส่วนนี้จะต้องติดกัน ไม่สามารถแยกจากกันได้  บางเรื่อง Service จะเป็นตัวนำแล้วค่อยตามมาด้วย Product เช่น เวลาเราไปโรงพยาบาล ฯลฯ 
    • Market คือ ตลาดของเรา  อยากให้ผู้ที่จะทำธุรกิจทุกคน คิดถึงการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในอาเซียน กลุ่มประเทศ CLMV (ประเทศอาเซียนลุ่มน้ำโขง กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) และให้มองเป็นเมือง มากกว่าจะมองเป็นประเทศ 
  • ธุรกิจใหม่นั้น ไม่ใช่เรื่องของการแข่งขันระดับชาติหรือประเทศ (Nation Competitiveness) อีกต่อไป แต่จริง ๆ แล้ว เป็นเรื่องของ Enterprise Competitiveness คือ การทำให้ธุรกิจนั้นเข้มแข็ง ซึ่งต้องมีสิ่งต่อไปนี้ 
    • Competitive คือ แข่งขันได้ 
    • Collaborative คือ ร่วมมือกันได้ 
    • Connect to the World คือ ต้องเชื่อมกับโลก ไม่ว่าจะผ่านตลาด Crystal Marketplace หรือ Digital Marketplace 
  • ธุรกิจในยุคใหม่นี้ แม้แต่นักวิชาการก็จะคาดเดาได้ยาก มองไม่ออก  หรือที่เรียกกันว่า "New Normal" อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องคำนึงถึงก็หนี้ไม่พ้น ๓ สิ่งต่อไปนี้ 
    • Custom Focus  คือ รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร 
    • Competency คือ ต้องรู้ว่าตนเองเก่งอะไร 
    • Collaborative Network  เนื่องจาก ธุรกิจแบบใหม่นั้น มองไปที่ Business Model  ไม่ได้มองที่ตัวสินค้าดังที่กล่าวไปแล้ว  ดังนั้น เครือข่ายความร่วมมือจึงถึอว่าเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุด 
  • ธุรกิจสมัยใหม่ จะไม่ขึ้นอยู่กับการมาก่อนมาหลัง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินลงทุนมากน้อย แต่จะขึ้นอยู่บนฐาน Brain Based ล้วนๆ   ใครที่จะทำธุรกิจนั้น ขอให้คุณเริ่มด้วย ไอเดีย และความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับว่า  คุณสามารถทำให้ไอเดียนั้นเกิดขึ้นเป็นเรื่องเป็นราวได้แค่ไหน 
  • ตอนนี้รัฐบาลกำลังจัดตั้ง Thailand Startup Center ซึ่งจะรวบรวมเอาเงินลงทุนจากเอกชน ทำ่เรื่อง "Cloud funding"  เรื่องของ "Angel Fund"  เรื่องของ "Incubator" เรื่อง "Accelerator" ต่าง ๆ  คือรัฐบาลกำลังจะส่งเสริมเรื่อง ผู้ประกอบการใหม่ หรือ Entrepreneur อย่างจริงจัง 
  • ซึ่งสังคมแห่ง Entrepreneur (อ่านว่า อ็อง เทอร์ เพอร์ นัวร์ ในภาษาฝรั่งเศส) นั้น  คือ สังคมที่กล้าเสี่ยงเมื่อเห็นโอกาส  และเก่งในการประเมินความเสี่ยง ความเก่ง และโอกาสของตนเอง 
  • ซี เค พราฮาราร์ด (C.K. Prahalad)  ปรามาจารย์ด้านบริหารจัดการ ทิ้งท้ายไว้ก่อนเสียชีวิตว่า " the Future of competition is collaboration" ดังนั้น สิ่งที่ต้องมีในการทำธุรกิจในอนาคตคือ คุณต้อง 
    • Collaborative  คือ ร่วมมือกับคนอื่น
    • Open คือ เปิดเผย เปิดกว้าง
    • Sharing คือ ต้องแบ่งปันกับคนอื่นด้วย 
  • เนื่องจาก มีเงินทุนที่พร้อมจะสนับสนุนไอเดียเจ๋ง มีเทคโนโลยีมากมากยที่พร้อมแล้ว การเข้าถึงตลาดก็ง่ายออนไลน์ได้หมด ดังนั้น คนยุคใหม่ ให้คิดว่า  เมื่อไหร่มีไอเดีย เมื่อนั้นเขามีโอกาส และเขาสามารถรวยได้ ...  หรือเรียกได้ว่า นี่คือ "สังคมแห่งโอกาส" ... พร้อมที่จะให้คนยุคใหม่นั้น  "Startup" ธุรกิจของตนเอง 
  • กล่าวโดยสรุปคือ  ใครที่จะ "Startup" จะต้องมี ๒ สิ่งต่อไปนี้คือ 
    • Entrepreneur spirit คือ มีจิตวิญญาณของผู้ประกอบการใหม่ 
    • Innovative Idea คือ ต้องมีไอเดียที่เป็นนวัตกรรม 
  • สองสิ่งนี้รวมกันจะได้ Business model เมื่อมี Business Model เรื่องอื่น รัฐบาลกำลังหนุนเต็มที่ 

ผมสรุปเองถึงความหมายของคำสำคัญ

โดยสรุป คือ.... มีคำสำคัญ ๓ คำที่ท่านควรจะเข้าใจ ได้แก่  "ประเทศไทย ๔.๐" "Startup" และ "Smart Enterprise"  ผมสรุปสั้นดังนี้
  • "ประเทศไทย ๔.๐" หรือ " Thailand 4.0"  คือ ประเทศไทยที่ก้าวสู่ประเทศผู้มีรายได้สูง ด้วย "ผลิตภาพ" (Productivity) บนฐานแห่งความรู้ นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งต้องผสานกับการบริการคุณค่าสูงบนฐานของวัฒนธรรม
  • "Startup" คือ "ธุรกิจเกิดใหม่" หรือ "บริษัทเกิดใหม่" ที่เจ้าของ "ไอเดีย" ไม่จำเป็นต้องมีเงินทุน มีเทคโนโลยี จะมีนักลงทุนซึ่งกำลังมองหาความสามารถและโอกาสเช่นกัน
  • "Smart Enterprises" หรือ วิสาหกิจอัจฉริยะ คือ การร่วมมือ (Collaboration) การเปิดกว้าง (Open) ให้ผู้อื่นเข้ามาร่วมพัฒนา และ รวมถึงการแบ่งปัน (Sharing) กับลูกค้าและผู้อื่น โดยคำนึงถึงความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม 
สรุปรัฐบาลจะขับเคลื่อนอย่างไร?

จากข้อมูลฑุติยภูมิที่สืบค้น อ่านได้ที่นี่และที่นี่ และศึกษาจากคลิปวีดีโอข้างต้น และนำมาสังเคราะห์สรุป เกี่ยวกับแนวทางที่คาดว่า ประเทศไทยจะถูกขับเคลื่อนไป เผื่อว่าจะมีประโยชน์ต่อผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย  ดังนี้

"ผู้ใหญ่" บอกว่า ประเทศไทยมีจุดแข็ง ๒ ด้าน ๑ คือ ความหลากหลายทางชีวภาพ และ ๒ คือ ความหลากหลายเชิงวัฒนธรรม ทำให้แนวทางในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ยุค "ประเทศไทย ๔.๐" ต่อไปต้องเน้น ๒ สองด้านนี้ มุ่งเปลี่ยนแปลง ๓ มิติ โดยใช้การพัฒนา ๔ แนวทาง และ ๕ เทคโนโลยีกลุ่มเป้าหมาย ... ดังแสดงในภาพ ... ซึ่งไม่จำเป็นต้องเขียนคำอธิบายใดๆ เพิ่มอีก

ผู้สนใจจะนำไปเล่าต่อ นำเสนอต่อ ก็เชิญเถิดครับ...... ไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆ









วันนี้... ผมยังอยู่ในตำแหน่งงานที่น่าจะสามารถสร้างคนไว้สำหรับยุค "ประเทศไทย ๔.๐" เหมือนกับเพื่อน ๆ ครูอีกหลายคน ... ก็คงต้องพยายามสู้ต่อไปเท่าที่จะทำได้ ... แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ หากจะเตรียมคนไว้สำหรับยุค "ประเทศไทย ๕.๐" คุณครูจะทำอย่างไร?????