วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2559

จับประเด็น : ทำไม? ความพอเพียงจะทำให้ประเทศไทยอยู่รอด ตอนที่ ๑


  • ​ก่อนจะเข้าใจตนเอง เข้าใจประเทศไทย ต้องเข้าใจภาพรวมของโลกก่อน  
  • สิ่ง ที่เป็นอยู่ในประเทศไทยตอนนี้ เป็นผลพวงของ "ทุน"  ทุนนิยมต่างชาติที่เข้ามาเชื่อม หรือสัมพันธ์กับประเทศไทยเป็นเนื้อเดียวกันหมดแล้ว  
  • ดังนั้นก่อนจะเข้าใจประเทศไทย เราต้องเข้าใจ "ทุนนิยมเสรี" เสียก่อน
  • ปี ๒๔๗๕ - ๔๓๒ = 1932  สิ่งที่เกิดขึ้นกับกำแพงเบอร์ลิน ส่งผลมาจนทำให้เศรษฐกิจประเทศไทย "พัง"   ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น 
  • ปัญหา ของคนไทยตอนนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ คนไทยขาด "ปัญญา" สิ่งที่คุณสนธิกำลังทำอยู่นี้คือการเสริมปัญญาของคนไทย  ... หัวใจของการแก้ปัญหา 
  • นักปรัชญาที่มีชื่อเสียงชาวอังกฤษ คือ โอริเวอร์ เจมส์  เสนอหลักคิด ฉันทามติกรุงวอชิงตัน  ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน 
  • แต่ก่อนโลกแบ่งออก เป็น ๒ ค่าย คือ ค่ายโลกเสรี และอีกค่ายคือ ค่ายหลังม่านเหล็กก็คือรัสเซีย  ต่อมามีจีนเกิดขึ้น เขาเรียก ค่ายหลังม่านสไม้ไผ่
  • กำแพงเบอร์ลิน เป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งโลกออกเป็นสองส่วนคือ โลกเสรีและโลกคอมมูนิสท์  ครั้งหนึ่งจอน เอฟ เคนเนดี้ ไปพูดเรื่องโลกเสรีที่เบอร์ลิน ทำให้กำแพงเบอร์ลินเป็นข่าวดังไปทั่วโลก กลายเป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งโลกในเวลาต่อมา
  • วิธี ทางตะวันตก จะริเริ่มจาก "นักคิด"  จะเสนอความคิดขึ้นมา  ฝ่ายต่างๆ นักวิชาการ นักข่าว สื่อมวลชน ค่อยเอาหลักคิดเหล่านั้นมาสื่อสาร  ถ้าความคิดดี ถ้าใช่ ก็ส่งเสริมกันไป จนกลายมาเป็นทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับ 
  • นักคิดชื่อ แซม มัวร์ พี ฮัตติงตัน บอกว่า การล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน  คือจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งของวัฒนธรรม ระหว่างประเทศมุสลิมกับประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม ...ผ่านหนังสือ  the crash of civilization 
  • นักคิดอีกคนชื่อ ฟรานซิส ฟูกูยาม่า  เขียนหนังสือชื่อ  the end of the history จุดจบของประวัติศาสตร์  บอกว่า จากนี้ไปไม่มีโลกคอมมิวนิสท์แล้ว เหลืออยู่โลกเดียวคือ โลกการตลาด ซึ่งเป็นผลพวงจากการค้าเสรีที่เกิดขึ้น 
  • มีนักคิดอีกคนหนึ่งบอกว่า  กติกาของโลกใหม่ต้องเป็น "ฉันทามติกรุงวอชิงตัน"  ๓ ข้อ ได้แก่  ๑ เงินทุนต้องเดินทางไปทั่วโลกได้  ๒ รัฐบาลต่าง ๆ ต้องไม่มีการต่อต้าน  และ ๓ รัฐบาลต่างๆ ต้องมีเสถียรภาพ 
  • ข้อที่ ๒ เช่น กฎหมายขายชาติ ๑๑ ฉบับ  ซึ่งล้อ Washington Consensus  
  • ต่อมาเกิดลัทธิ "เสรีนิยมใหม่" กับ "อนุรักษ์นิยมใหม่"  ทะเลาะกันในอเมริกา  แต่ทั้งสองก็คือ "ทุนนิยมใหม่" ที่ยึดเอาผลประโยชน์ประเทศเป็นหลัก 
  • ทุนนิยมใหม่ เกิดขึ้นอย่างไร? 
  • เกิดขึ้นเพราะ คนรวยรวมตัวกัน เพราะกำไรตนเองน้อยลง เพื่อใช้กระบวนทัศน์เดียวกันทั่วโลก  เช่น  ๘๐ ปีที่แล้ว เกิด "สภาหอการค้า"  ซึ่งขยายตัวไปทั่วโลก 
  • เมื่อมีเงิน พวกพ่อค้าก็เริ่มหา "อิทธิพล"  โดยการซื้อ "อำนาจ" จากการเข้าหานักการเมือง 
  • คนที่พูดเรื่อง "ทุน" คนแรกคือ อดัมสมิท (ในศตวรรษที่ ๑๘) บอกว่า  ทุนเป็นของดี หากไม่มีทุนจะพัฒนาได้ยาก ดังนั้นจึงไม่ควรไปต่อต้านเรื่องทุนหรือแทรกแซงจากรัฐ ซึ่งสวนทางกับแนวคิดของระบบกษัตรย์ในขณะนั้น 
  • อังกฤษก็เริ่มพัฒนาระบบทุนนิยมมาเรื่อย ๆ และขยายไปทั่วยุโรปผ่านความเกี่ยวพันกันทางสายเลือดกษัตริย์  ทำให้เกิดความขัดแย้งกับระบบกษัตริย์ต่าง ๆ ในยุโรป  กอปรกับระบบกษัตริย์กำลังเสื่อม  ทำให้เกิดสงครามไปทั่ว  และก่อเกิด "นายทุนกษัตริย์" ขึ้น 
  • นายทุนกษิตริย์ที่สำคัญคือ บารอน รัดชาวน์ ที่เป็นเจ้าของธนาคารรัดชาวน์ที่เจ้งไปที่สิงคโปร์ 
  • ต่อมานักคิดชื่อ จอน เบนาร์ด เคน  คิดทฤษฎี "เคนเซี่ยน" ขึ้นมา บอกว่า  หากเศรษฐกิจมีปัญหา รัฐต้องเข้าไปลงทุน  เพื่อให้เกิดการว่าจ้างงาน ซึ่งถูกเอามาใช้ในยุโรป และขยายไปยังฝั่งอเมริกาด้วย 
  • ข้ามมาเวลามายุคนี้  ทุกคนเล่นหุ้นตามความคิดของ "มิลตัน ฟริตแมน"  ประเภทเล่นหุ้นแบบซื้อมาขายไป ซื้อเช้าขายบ่าย ฯลฯ  ฟริตแมนบอกว่า  ๑) ความสำเร็จของการลงทุน ตัดสินกันที่การเล่นหุ้นระยะสั้น ๒) อะไรที่เป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานควรรัฐควรให้เอกชนเข้ามาแข่งขัน เช่น ไฟฟ้า ประปา รถไฟ ๓) การลดละเลิกกฎระเบียบ การให้นายจ้างเป็นกำหนดค่าจ้างได้อย่างเสรี ลดภาษีคนรวย  ฟริตแมนจะเชื่อว่า อย่าไปเก็บภาษีคนรวย เพราะคนรวยจะเอากำไรที่ได้มาลงทุนต่อ ๔) การบริโภคและความต้องการของตลาด จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัว
  • หากดำเนินตามความคิดของฟริตแมน จะทำให้เกิดการ "รวยเป็นประจุก จนกระจาย" ซึ่งไทยก็มาถึงจุดนี้แล้ว 
  • ในขณะที่คนรวยทำแบบ "ฟรติแมน" แต่ "เคนเซี่ยน" ก็ยังอยู่   พวกที่เห็นแก่ตัวแบบฟริตแมน พอได้เข้าไปมีอำนาจรัฐ ...จึงทำให้เกิด "ประชานิยม" นั่นเอง 
  • แต่แทนที่สหภาพต่างๆ จะต่อต้านการขยายตัวของ "ทุนนิยมสามานย์" แต่กลับสร้างอาณาจักรของตนเอง มีผู้นำใช้สินค้าฟุ่มเฟือย และต้องการค่าแรงเพิ่มขึ้นทุกปี  ... เรียกว่า สหภาพแรงงานไม่มี "ดุลยภาพ" (Harmony)  หรือไม่มี give and take ... สุดท้ายผู้ที่ได้รับผลกระทบคือประชาชน ที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้น ๆ
  • นี่คือที่มาของ การล้มสหภาพฯ ของนางมากาเร็ตแท็ตเชอร์ กับ โรนาว แรแกน  ร่วมมือกันถล่มสหาภาพ และเอาแนวคิดของฟิริตแมน มาใช้อย่างได้ผล 
  • จึงทำให้เกิด "MBA" ขึ้นทั่วโลก  ซึ่งสอนกันว่า ใช้ตัวเลขในการคิดเป็นหลัก ผลกำไรเป็นหลัก ไม่ได้ใช้ประชาชนเป็นหลัก  
  • ประเทศไทยก็สอน MBA กันทั่วประเทศ อย่างบ้าคลั่ง ถือเป็นความบ้าคลั่งทางวิชาการ  ทำให้ระบบทุนนิยมขยายตัวไปในประเทศอย่างรวดเร็ว
  • หลอกลวงว่า ถ้าคนรวย ๆ ขึ้น จะเอาเงินมาลงทุน ให้เกิดการสร้างงาน เกิดรายได้  ... แต่ความจริง เป็นไปในทางตรงข้าม คนรวย ๆ ขึ้น คนชั้นกลางจนลง  คนจนจนลง โดยชนชั้นปกครองก็ยัง หลอกลวงประชาชนต่อไป 
  • เพิ่งจะยอมรับกันไปทั่วโลก หลังจาก ๔๐ ปีผ่านไป  ว่า ระบบทุนนิยมเสรี คือระบบที่ "ปล้นคนจนไปให้คนรวย" 
  • ยกตัวอย่างเช่น  ๔๐ ปีที่แล้ว เราผ่อนบ้านเวลา ๑๕ ปี ผ่อนรถ ๓ ปี แต่วันนี้ ผ่อนบ้าน ๓๐ ปี ผ่อนรถ ๗ ปี   ....ต่อไป บ้านอาจต้องผ่อนตลอดชีวิต   ที่เป็นเช่นนี้เพราะ ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นตลอดเวลา และสาเหตุก็คือ "ทุนนิยมเสรี" 
  • พวกทุนนิยมเสรี แท้จริงแล้วก็ใช้ทฤษฎีการอยู่รอดของ ชาวส์ ดาวิน  "คนแข็งแกร่ง เท่านั้นที่จะอยู่รอด" บอกว่า  การปกป้องผู้อ่อนแอโดยรัฐ จะนำไปสู่ความพินาศของผู้อ่อนแอ และทำให้ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่อยู่รอด
  • นายทุนใหญ่ ๆ เช่น แอนดรู คาเนกี้ ร็อคกี้ เฟลเลอร์ ฯลฯ นี้จะตั้งมูลนิธิฯ  เพื่อให้ทุนการศึกษากับประเทศโลกที่ ๓  เหมือนจะดี แต่ความจริงแล้ว เอาไปหลอมความคิด เอาไปเรียนกติกา  เพื่อเอาเงินทุนไปลงทุน ซึ่งผู้ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือทุนใหญ่ ๆ นั่นเอง  ... เรียกว่า สิ่งที่ทำคือ Soft Power  
(จบม้วนครับ มาจับต่อบันทึกหน้า) ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมงครึ่ง ครับ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น